หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2555

เตรียมรับมือ! คาด 7-10 วัน น้ำเหนือถึงกรุงแน่




         กยน. เตือน กรมชลฯ เร่งระบายน้ำ เตรียมรับมือน้ำเหนือ คาดอีก 7 - 10 วัน ล้อมกรุงแน่ ขณะที่ ยิ่งลักษณ์ ยัน หยุดน้ำเหนือที่ จ.สุโขทัย ได้แล้ว ด้าน กบอ. มั่นใจ น้ำเหนือสุโขทัย ไม่ทำให้เกิดน้ำท่วมในพื้นที่อื่น ๆ ระบุกินเวลา 4 วัน ถ้าหากจะท่วมหัวน้ำต้องถึง จ.นครสวรรค์ หรือ จ.ชัยนาท แล้ว ขณะเดียวกัน ทาง กทม. ประกาศเตือน 27 ชุมชน ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ขนของขึ้นที่สูง
           วันนี้ (14 กันยายน) นายสุจริต คูณธนกุลวงศ์ หัวหน้าภาควิชาวิศวกรรมแหล่งน้ำ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะคณะทำงานอนุกรรมการระยะเร่งด่วนในคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบ การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) ระบุว่า ขณะนี้มวลน้ำจากสุโขทัยกำลังทยอยไหลเข้าที่ อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก จากนั้นก็จะเคลื่อนตัวมายัง จ.นครสวรรค์ ตามลำดับ ทั้งนี้ นอกจากสองจังหวัดดังกล่าว ทาง จ.ชัยนาท ก็ต้องเร่งพร่องน้ำเพื่อเตรียมรับมวลน้ำก้อนนี้เช่นกัน ซึ่งจะมาถึงอีก 5 วันข้างหน้า โดยการไหลของน้ำนั้น พื้นที่ลุ่มต่ำจะได้รับผลกระทบ ส่วนทางกรมชลประทานจะค่อย ๆ ชะลอความรุนแรงของมวลน้ำ เพื่อลดผลกระทบและไม่ให้ซ้ำรอย จ.สุโขทัย




ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทย ฉบับที่ 8 ในช่วงวันที่ 14 - 18 กันยายน 2555

           คณะกรรมการ กยน. ยังกล่าวอีกว่า หลังจากนี้อีก 7 - 10 วัน คาดว่ามวลน้ำจะเดินทางมาถึงรอบพื้นที่ กทม. แต่ถ้าหากน้ำที่ปล่อยออกมาจากเขื่อนมีปริมาณมากก็จะใช้เวลาเร็วขึ้นกว่าเดิม นอกจากนี้ ยังไม่รวมถึงปริมาณน้ำฝนที่จะตกหนัก ซึ่งทางกรมอุตุนิยม วิทยาได้พยากรณ์ว่าจะตกในช่วงวันที่ 14 - 17 กันยายนนี้ เพราะฉะนั้นเป็นไปได้ว่าจะเกิดปัญหาหนักอย่างแน่นอน ทางกรมชลประทานจึงต้องเร่งระบายน้ำลงทะเลให้เร็วที่สุด

           นาย สุจริต กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับปริมาณน้ำฝนที่จะตกลงมานั้น อยู่ที่  60 - 80 มิลลิเมตร ซึ่งทาง กทม. จะต้องดูแล เนื่องจากมีปัญหาการระบายน้ำในบางพื้นที่ แต่ทั้งนี้ก็ได้เสริมเครื่องผลักดันน้ำเข้าไปช่วยเหลือแล้ว อย่างไรก็ ตาม ตนอยากเสนอให้คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) เตรียมระบบแจ้งเตือนน้ำท่วมให้เร็วขึ้นกว่าเดิม โดยมีหน่วยเฉพาะกิจลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนทันที เพราะหลังจากนี้จะเริ่มมีน้ำท่วมเป็นจุด ๆ และเป็นบางช่วง ๆ โดยเฉพาะพื้นที่ติดแม่น้ำ

           ขณะที่ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวหลังรับฟังรายงานสถานการณ์ จากนายจักริน เปลี่ยนวงษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย ว่า จน ถึงขณะนี้ยังไม่มีลำน้ำใดที่มีปริมาณน้ำล้นตลิ่งเลย แต่เหตุที่เกิดขึ้นถือเป็นอุบัติเหตุทางภัยพิบัติ ที่มีพนังกั้นน้ำซึ่งใช้มานานชำรุด ทำให้น้ำทะลักเข้าท่วมพื้นที่อย่างฉับพลัน แต่ด้วยประสบการณ์จากปีที่แล้ว ก็สามารถแก้ปัญหาได้ถูกทาง จนสามารถปกป้องพื้นที่และช่วยเหลือประชาชนให้ผ่านพ้นวิกฤติไปได้อย่างรวด เร็ว

           นางสาวยิ่งลักษณ์ ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า ที่เดินทางลงพื้นที่ตั้งแต่ จ.สุโขทัย เพราะเป็นห่วง เนื่องจากถ้ามวลน้ำในจุดนี้ลงไปก็จะไปกระทบกับพื้นที่จังหวัดอื่น แต่เมื่อมาดูแล้ว ก็เห็นว่าเจ้าหน้าที่ได้ชะลอน้ำได้แล้ว โดยการวางเกเบรียลและบิ๊กแบ็ก ถือว่างานซ่อมชั่วคราวเสร็จแล้ว อีก 2 วันจะสูบน้ำเสร็จ จึงเชื่อว่าในจุดอื่น ๆ ไม่น่าจะมีผลกระทบมากนัก

           "วันนี้จึงสบายใจขึ้น เพราะสิ่งที่เราห่วงคือมวลน้ำที่อยู่ จ.สุโขทัย ซึ่งวันนี้หยุดได้แล้ว จากนี้ก็จะระบายไปตามปกติ จะไม่มีมวลน้ำก้อนใหญ่แล้ว เพราะภาพรวมน้ำยังไม่ล้นตลิ่ง การระบายน้ำทั้งหมดจึงยังไม่เกินประสิทธิภาพคูคลองที่จะรับได้ จากนี้ก็เร่งทำความสะอาดและตั้งทีมสำรวจความเสียหายเพื่อที่จะได้เข้าไปดูแล ประชาชนโดยเร็ว ส่วนแนวทางการเยียวยาก็ยังเป็นไปตามระเบียบเดิมที่ใช้เมื่อครั้งที่ผ่านมา แต่จะเร่งเข้าไปทำงานมากขึ้น ให้ตั้งทีมเข้าไปสำรวจเลย โดยไม่ต้องรอให้น้ำลด ซึ่งทุกฝ่ายรู้หน้าที่ในการทำงานแล้ว" นายกฯ ระบุ




แม่น้ำยม


           สำหรับหลายพื้นที่ใน จ.พิจิตร แม้นางสาวยิ่งลักษณ์ จะอ้างว่า "ยังไม่มีลำน้ำใดที่มีปริมาณน้ำล้นตลิ่ง" แต่ตรงกันข้ามกับข้อมูลในพื้นที่ โดย นายธีระพงศ์ เพ็ชรพงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลรังนก อ.สามง่าม จ.พิจิตร ซึ่งพบว่า ขณะ นี้น้ำในแม่น้ำยมมีระดับสูงขึ้นล้นตลิ่งแล้วจากเมื่อวานที่มีน้ำท่วมที่บ้าน ปากคลอง หมู่ 11 และบ้านเนินยุ้งหมู่ 7 ซึ่งเป็นที่ลุ่มท้องกระทะ น้ำเข้าท่วมเฉพาะใต้ถุนบ้านแค่เพียง 50 เซนติเมตร เวลาผ่านไปแค่เพียงคืนเดียว

           "ขณะนี้ปริมาณน้ำก้อนใหญ่จากสุโขทัยไหลเข้ามา อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก ได้เข้าท่วมในเขต ต.รังนก อ.สามง่าม จ.พิจิตร แล้ว ซึ่งขณะนี้ระดับน้ำสูงขึ้นอัตราเฉลี่ย 1.50 เมตร ถึง 1.70 เมตร จึงทำให้น้ำเข้าท่วมทุ่งนา และถนนภายในหมู่บ้านหลายแห่ง และคาดว่าพื้นที่ที่อยู่ปลายน้ำ อย่างจังหวัดนครสวรรค์คงไม่เกิน 5 วัน ก็คงต้องเจอสถานการณ์เดียวกันกับชาวลุ่มน้ำยมของ จ.พิจิตร อย่างแน่นอน" นายธีระพงศ์ กล่าว

           ส่วนทางด้านพื้นที่ กทม. ซึ่งหลายฝ่ายกังวลว่าอาจจะถูกน้ำท่วมอีกครั้งเหมือนปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ได้รับคำยืนยันจาก นายรอยล จิตรดอน ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการ (กบอ.) ว่า จากการติดตามดูตัวเลขการไหลของน้ำบริเวณแม่น้ำเจ้าพระยา ช่วงสะพานเดชาติวงศ์ อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ล่าสุดพบว่ามีระดับการไหลอยู่ที่ 1,800 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งถ้าเปรียบเทียบกับสถิติการไหลในจุดเดียวกัน เมื่อปลายปี 2554 ซึ่งมีการไหลอยู่ที่ 3,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ถือว่าเป็นระดับที่ต่างกันมาก ซึ่งตัวเลขการไหลที่ต่างกันกว่า 2,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เช่นนี้ ทำให้มั่นใจได้ว่ามวลน้ำที่ จ.สุโขทัย จะไม่มีปัญหาทำให้เกิดน้ำท่วมในพื้นที่อื่น ๆ ได้

           นายรอยล ยืนยันว่า หากพูดตามตรงคือ มวลน้ำที่ไหลเข้าท่วมที่ จ.สุโขทัย เมื่อวันที่ 10 - 13 กันยายน ก็กินเวลาเข้าไป 4 วันแล้ว หัวน้ำก็น่าจะมาถึง จ.นครสวรรค์ หรือ จ.ชัยนาท แล้ว แต่จากตัวเลขการไหลยังพบว่ามีเพียง 1,800 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จึงทำให้มั่นใจได้ว่าพื้นที่อื่น ๆ จะไม่มีปัญหารวมไปถึงพื้นที่ กทม. ด้วย




แม่น้ำเจ้าพระยา


           ขณะ เดียวกัน พญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้แจ้งเตือนประชาชนที่อยู่นอกแนวคันกั้นน้ำแม่น้ำเจ้าพระยา โดยเฉพาะ 27 ชุมชน ให้เตรียมพร้อมยกของขึ้นที่สูงและระมัดระวังระหว่างวันที่ 14 - 17 กันยายน ซึ่งจะเกิดฝนตกหนาแน่น และน้ำทะเลหนุนสูงทั้งนี้ 27 ชุมชน อยู่ใน 13 เขตของ กทม. ประกอบด้วย เขตดุสิต, พระนคร, สัมพันธวงศ์, บางคอแหลม, ยานนาวา,คลองเตย, บางพลัด, เขตบางกอก, ธนบุรี, คลองสาน, ราษฎร์บูรณะ และทวีวัฒนา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น